ผมเองเป็นผู้ใช้ Canon มานานแล้ว ตั้งแต่เริ่มต้นเส้นทางการถ่ายภาพ จากการเรียนทักษะพื้นฐานจาก Canon EOS 600D จากนั้นขยับมาที่ Eos 7D Mark II จากนั้นมาที่ EOS 6D Mark II ซึ่งเป็นตัวโปรดของผมที่สุดในปัจจุบัน
สิ่งล่อใจในการอัพเกรดคือ mount RF ที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ EOS R ตัวแรกที่เปิดตัวในปี 2018 แต่มีแรงจูงใจด้านนวัตกรรมไม่เพียงพอเท่ารุ่นก่อนซึ่งแน่นอนว่านั้นคือข้อเสียของเรื่องนี้
จากนั้นไม่นานก็มาเป็นกล้อง Canon EOS R5 และ R6 สมัยช่วงเปิดตัวแรกๆ ถือได้ว่ามีราคาที่สูงเกินไปสำหรับหลายคนรวมถึงผมด้วย และตอนนั้นก็ไม่ได้มีเซนเซอร์ความละเอียดที่เพียงพอที่จะทำให้หลายคนเลิกใช้ EOS 6D Mark II ได้เลย เพราะถือได้ว่าเป็น mirrorless แบบ full-frame ด้วยความเร็วและประสิทธิภาพของโฟกัสอัตโนมัติของ R-series รุ่นใหม่คือสิ่งที่หลายคนรวมถึงผมนั้นกำลังรออยู่เลย
Canon ให้กล้อง format APS-C 32MP มาในครั้งนี้ ที่ผสมผสานความเร็ว, ความแม่นยำ และเสถียรภาพของกล้องระดับมืออาชีพมาด้วยซึ่งราคาก็ถือได้ว่ามีความน่าเชื่อถือ และขนาดเซนเซอร์ที่เล็กลงซึ่งทำให้การถ่ายภาพธรรมชาติดีขึ้น
ขนาดเล็กราคาก็ลูกลง
ผมตัดสินใจที่จะลองเปลี่ยนมาใช้กล้อง DSLR แบบ full-frame โดยมีพื้นฐานความคิดที่อยากจะลองถ่ายภาพตอนกลางคืนให้มากขึ้น แต่ปรากฏว่า ผมรู้สึกไม่ชินกับกล้อง ใช้ยาก ไม่ถนัด ดังนั้นจึงกลับไปใช้เซนเซอร์ขนาด APS-C แต่ก็เรียกได้ว่าความต่างหากไม่สังเกตดีๆ แทบไม่เห็นเลยครับ และแน่นอนครับว่ามีหลายส่วนที่ส่งผลมาจากการลดขนาดลง แต่ยังอยากคงมาตรฐานเดิมๆ ไว้อยู่ และหากเป็นเรื่องการถ่ายภาพเฉพาะทางละผมสามารถใช้กล้องตัวนี้ได้มากน้อยแค่ไหน
ตอนนี้ผมเป็นช่างภาพถ่ายธรรมชาติ ชอบถ่ายพวก, ทิวทัศน์, สัตว์ป่า และ macros ฉะนั้นการใช้เซนเซอร์ขนาดเล็กนั้นเป็นสิ่งที่สมบูรณ์แบบ เพราะด้วยขนาดที่เล็กลง การได้เจอกับสิ่งต่างๆ ที่ไม่คาดคิด ส่งผลให้การใช้งานกล้องนั้นง่ายมากยิ่งขึ้น และผมไม่สามารถ complain เกี่ยวกับภาพที่ปมได้รับจาก 7D II ของผมได้เลย เนื่องจากเทคโนโลยีเซนเซอร์นี้ค่อนข้างล้าสมัยในระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นขนาดเซนเซอร์จึงไม่มีผลเท่าไหร่สำหรับผมในกล้องรุ่นนี้
แต่มีข้อดีอีกนะครับเพราะผมรักการเดินป่ามาก เรียกได้ว่ามีโอกาสคือไป! และการถืออุปกรณ์ขนาดใหญ่เทอะทะไปด้วยนั้นเป็นเรื่องน่าเบื่อที่สุด เพราะด้วยขนาดและน้ำหนัก ก็ถือเป็นเรื่องของความได้เปรียบที่กล้อง EOS R7 ทำออกมาได้เป็นอย่างดี เนื่องจากกล้อง 7D Mark II มีน้ำหนัก 910g. พร้อมแบตเตอรี่ ขณะที่กล้อง 6D Mark II มีน้ำหนักอยู่ที่ 765g. และ R7 มีน้ำหนักเพียง 612g. พร้อมแบตเตอรี่และการ์ดหน่วยความจำ เรียกได้ว่าต่างกันอย่างชัดเจนเลย
ถึงแม้เลนส์ EF ที่ใช้จะไม่ได้มีน้ำหนักเบา (หลายคนบอกถือเลนส์รุ่นนี้เหมือนยกน้ำหนัก) แต่ผมก็ยินดีที่จะถือมันเพิ่มถึงแม้จะหนักแค่ไหน เพราะหากเทียบคุณภาพแล้ว เรียกได้ว่าให้ถือ 1 – 2 กระบอกก็ไหวครับ (โดยเฉพาะ EF 70-200มม. f/2.8L II) ที่ใช้กับ R7 ผ่าน adapter และแน่นอนครับว่าอาจรวมเลนส์กลุ่มของ RF ไว้ในชุดอุปกรณ์ของกล้องของผมด้วยก็ได้ แต่ผมก็แอบหวังและภาวนาว่า Canon จะเพิ่มเลนส์ native RF-S ลงในแคทตาล็อก เพื่อให้การใช้เลนส์นั้นได้ประสิทธิภาพที่สูงที่สุด แม้ว่าผมจะเลือกใช้ชุดอุปกรณ์ R7 กับเลนส์ RF-S 18-150มม. ใหม่ก็ตาม แต่เชื่อไหมครับว่าหากเทียบความประหยัดกับคุณภาพที่ออกมาเรียกได้ว่าก็คุ้มค่าอยู่ในระดับหนึ่งเลยครับ
ทักษะแบบมืออาชีพที่ราคาเอื้อมถึง
วิธีที่ Canon แนะนำ R7 ในช่วงเปิดตัวที่งาน Australian media ในระหว่างบรรยายสรุปมีจุดหนึ่งในประโยคที่เรียกได้ว่าน่าสนใจมาก “ R5 ที่ไม่มีวิดีโอ 8K” นั่นคือสิ่งที่ผมต้องย้อนกลับไปฟังอีกหลายรอบเลย
ถ้าตอนนี้คุณและผมรู้สึกว่า ผมไม่ได้เป็นช่างภาพมืออาชีพ แต่ผมรักการถ่ายภาพ ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่ได้เงินจากการทำสิ่งนี้ ดังนั้นผมจึงอาจไม่ได้ต้องการกล้องระดับมืออาชีพมาก แต่แน่นอนถ้าราคาต่ำกว่าแบบตัวนี้ยังไงก็ต้องสอยมาไว้ในครอบครองให้ได้ เพราะคุณสมบัตินั้นต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเลย ในกล้องที่ออกมาพร้อมๆ กัน
เช่นหากคุณรักการถ่ายภาพสัตว์ป่า ความเร็วของการถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุดที่ 30fps ของกล้อง R7 ด้วยระบบการติดตามใบหน้า,ดวงตา และตัวที่ติดตามได้อย่างดีและน่าประทับใจ หรือวิธีที่หน่วยความจำ buffer ใช้ยังไม่ได้ปรับให้เป็นแบบใหม่ รวดเร็วมากพอ ก็อาจจะพอต่อความต้องการของการใช้งานได้เช่นเดียวกัน เพราะสิ่งเหล่านี้กับกล้องราคาถูกระดับโปรเมื่อเทียบแล้วอาจจะคุ้มค่ากว่าที่คุณคิด
แน่นอนว่าไม่เพียงแต่ความเร็วที่ดึงดูดผม อีกเรื่องคือในส่วนของความแม่นยำที่สืบทอด และได้รับคำร่ำลือมาจากกล้อง Canon R-series ระดับ high-end กับระบบโฟกัสอัตโนมัติ Dual Pixel CMOS มี AF zone ซึ่งน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ R5 และ R6 แต่ 651 ยังคงค่อนข้างน่าประทับใจสำหรับผู้ที่สนใจ
จากที่ผมได้ทดลองกล้อง R-series ทุกตัวของ Canon (ยกเว้น R3) และผมได้รู้ถึงความประทับใจ R5 และ R6 ถึงแม้มันจะไม่เหมาะกับช่างภาพอย่างผมมากนัก อย่างไรก็ตามกล้อง R7 ก็ทำให้ผมกลับรู้สึกว่าต้องทิ้งกล้องตัวเก่าที่มีอยู่ทิ้งไปและเปลี่ยนมาใช้กล้อง mirrorless ที่ตอบโจทย์ได้มากแบบ R7 นั่นเอง