หากเราจะพูดถึงกล้องสักตัว คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักกับ DSLR หรือภาษาบ้านเราเรียกติดปากกันว่า “กล้องใหญ่” เป็นหนึ่งในกล้องที่เกิดขึ้นมาหลังจากช่วงที่มีเทคโนโลยีเกิดขึ้นใหม่ๆ มากมาย ในบ้านเรา และเป็นรุ่นที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย จนถึงปัจจุบัน หนึ่งในตัวอย่างที่เราจะเห็นได้ชัดคือกล้องประเภท mirrorless ที่ถูกพูดถึงกันมากในช่วงหลายปี จนถึงปัจจุบันกับการดีไซน์ retro + ระบบใหม่ๆ ที่ใส่เข้ามา ทำให้หลายคนรู้สึกได้ว่ากล้องตัวนี้ เป็นกล้องใหม่ที่น่าจับตามองอย่างมาก แม้ว่ากล้อง mirrorless จะเป็นที่นิยมในช่วงนี้ แต่ยังไงงานดีไซน์ของกล้อง DSLR ยังคงให้ความก็ยังคงตอบโจทย์มืออาชีพมากมาย ด้วยความใหญ่ แข็งแรง และดูเข้าถึงได้ หลายคนจึงเลือกที่จะใช้ DSLR มากกว่า mirrorless
ทุกวันนี้คุณสมบัติของกล้อง DSLR หลายตัวรวมไปถึงกล้อง mirrorless เรียกได้ว่าทันสมัย และตอบโจทย์การใช้งานแบบสุดๆ อย่างเช่นงาน วิดีโอ คุณภาพระดับ 4K, เซนเซอร์, ระบบโฟกัสอัตโนมัติ หรือแม้กระทั่งโหมดถ่ายภาพด้วย live view ก็มีมาให้เห็นกันในกล้อง DSLR ปัจจุบัน และวันนี้ผมจะพาทุกคนไปดูกล้อง DSLR ที่ยังคงเป็นตำนานและถูกใช้อยู่ ด้วยดีไซน์ที่สวย แข็งแรง และคุณภาพดี หากคุณกำลังหาสิ่งเหล่านี้ ห้ามพลาดเลยครับ
1. Nikon D850
กล้อง Nikon D850 หนึ่งในกล้องแก้วตาดวงใจ ของใครๆ หลายคน
คุณสมบัติ
ชนิด: DSLR
ระบบเซนเซอร์: Full frame
ความละเอียดภาพ: 45.7ล้านพิกเซล
เลนส์: Nikon FX
หน้าจอ: 3.2in tilting touchscreen (หน้าจอสัมผัสแบบแกนพับ)
ช่องมองภาพ: Pentaprism
การถ่ายภาพต่อเนื่อง: 7fps
ความละเอียดวิดีโอสูงสุด: 4K
ระดับผู้ใช้: ผู้ที่สนใจ / มืออาชีพ
ข้อดี
-ปรับแต่งได้หลากหลาย
-ขนาดกำลังดี เหมาะมือแข็งแรง และกะทัดรัด
ข้อเสีย
– มี noise ที่เห็นชัดเมื่อตั้งค่า ISO สูง
หากพูดถึงเซนเซอร์ APS-C ในกล้อง อาจไม่ได้เหมาะกับการใช้งานในปีนี้สักเท่าไหร่ เพราะปีนี้หากจะใช้งานแบบจริงจังแล้ว คงหนีกันไม่พ้น Full frame และนั่นคือสิ่งที่ควรมีติดไว้ในกล้องปี 2022 และหนึ่งในนั้นคือ Nikon D850 ซึ่งถือได้ว่าเป็นกล้องที่มีราคาสูง แต่ด้วยความสามารถ คุณสมบัติต่างๆ ของตัวกล้องเอง อาจต้องจัดให้อยู่ในระดับของมือโปร โดยเฉพาะเรื่องของความละเอียดที่มากถึง 45.7 MP มาพร้อมกับระบบออโต้โฟกัส 153 จุด และสามารถถ่ายภาพ 7 ภาพต่อวินาที หรือ 9fps นอกจากงานภาพแล้วงานวิดีโอก็ทำออกมาได้น่าสนใจ ให้ความละเอียดสูงสุดอยู่ที่ 4K กันเลยทีเดียว ถึงแม้ว่า Nikon D780 ที่เปิดใหม่จะดีกว่า แต่ไม่มีเทคโนโลยีออโต้โฟกัสแบบไฮบริดบนเซนเซอร์ของ Nikon D780 ทำให้ Nikon D750 เป็นที่สนใจของใครหลายคนนั่นเอง
2. Nikon D780
D780 กล้อง DSLR ที่ผสานกับเทคโนโลยีของกล้อง mirrorless อย่าลงตัว
คุณสมบัติ
ชนิด: DSLR
ระบบเซนเซอร์: Full frame
ความละเอียดภาพ: 24.4MP
เลนส์: Nikon FX
หน้าจอ: 3.2in tilting screen (หน้าจอแบบแกนพับ) , 2,359k dots
ช่องมองภาพ: Pentaprism
การถ่ายภาพต่อเนื่อง: 7/12fps
ความละเอียดวิดีโอสูงสุด: 4K UHD
ระดับผู้ใช้: ผู้ที่สนใจ / มืออาชีพ
ข้อดี
-ให้สีภาพที่สวย
-ระบบออโต้โฟกัส live view จับได้อย่างรวดเร็ว
-4K เต็มจอ
ข้อเสีย
– มีระบบออโต้โฟกัส สองตัวที่ควบคุม ยากต่อการควบคุม
-หากจะสลับมุมมอง Live View ต้องทำเอง
– ราคายังคงสูงอยู่ในปัจจุบัน
ใครที่เคยได้สัมผัสกับ Nikon D750 และอยากที่จะอัปเกรดกล้องให้ใหญ่ และทันสมัยมากขึ้นเราขอแนะนำ Nikon D780 ที่มาพร้อม on-sensor แบบ phase detection autofocus เช่นเดียวกับกล้องโปร ตัวเทพอย่างใน Nikon Z9 ที่ให้มาพร้อมกับประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อใช้ร่วมกับโหมด live view กล้องในกล้อง mirrorless ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่สุดสำหรับการถ่ายภาพนิ่งและการถ่ายวิดีโอ แต่อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีนี้อาจเรียกได้ว่าค่อนข้างมาช้าอย่างมากสำหรับ Nikon เมื่อเทียบกับ Canon ที่ใช้ Dual Pixel CMOS AF ใน กล้องDSLR มาก่อนหลายปี อย่างไรก็ตามการมาครั้งนี้ของ D780 ไม่เพียงแค่มีโหมด live view AF ที่ดีเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับหน้าจอสัมผัสแบบหมุนได้ 180องศา ถ่ายวิดีโอ 4K UHD ช่องสียบการ์ดสำหรับ UHS-II ที่ให้มาแบบคู่ นอกจากนี้การถ่ายภาพต่อเนื่องให้ความเร็วถึง 12fps ในโหมด live view ที่เรียกได้ว่าดีงามอย่างมากเลยครับ เพราะปกติเมื่อเปิดโหมด Live view จะค่อนข้างเกิดการดีเลย์มากพอสมควร และแน่นอนครับว่ากล้องนี้มาพร้อมกับ grip ที่จับสะดวกสบาย ใช้งานง่าย D780 มีความคล้ายคลึงกับ Nikon DSLRs หลายๆ ตัวที่ผสมผสานเข้าด้วยกันแต่ก็เรียกได้ว่าทำออกมาได้อย่างน่าพึงพอใจเลยทีเดียว
3. Pentax K-1 Mark II
The Pentax K-1 Mark II การกลับมาอีกครั้งของ Pentax ที่ต่างออกไปจากเดิม
คุณสมบัติ
ชนิด: DSLR
ระบบเซนเซอร์: Full frame
ความละเอียดภาพ: 36ล้านพิกเซล
เลนส์: Pentax K
หน้าจอ: 3 นิ้ว three-way-tilt
ช่องมองภาพ: Pentaprism
การถ่ายภาพต่อเนื่อง: 4.4/6.4fps
ความละเอียดวิดีโอสูงสุด: 1080p (Full HD)
ระดับผู้ใช้: ผู้ที่สนใจ / มืออาชีพ
ข้อดี
-Body แข็งแรง จับได้ถนัดมือ
-ระบบป้องกันภาพสั่นไหม 5 แกนใช้ง่าย สะดวกต่อการถ่าย Vlog
ข้อเสีย
-งานแบตเตอรี่ความจุน้อย ใช้ได้แค่ประมาณ 670 ช็อต
Pentax K-1 Mark II คือการกลับมาที่หลายคนนั้นรอคอย กับ Body ที่ขึ้นชื่อว่าแข็งแรงแข็งแกร่งที่สุดรุ่นหนึ่ง แต่ก็ขอบบอกกันตามตรงครับสำหรับกล้องรุ่นนี้เรียกได้ว่าจับยากมาก ไม่ถนัดมือ เพราะมีโครงที่คลุมด้วยระบบป้องกันฝุ่นละอองและน้ำทำให้ขนาดดูใหญ่กว่าเดิมมาก แต่อย่างไรก็ตามในเรื่องของระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ sensor-shift ก็ถือได้ว่ามีประสิทธิภาพสูงเมื่อทำงานร่วมกับเลนส์ที่แถมมา ด้วยความสามารถของกันสั่นที่มีมากถึง 5 แกน สามารถทำงานใน trick modes และลดอาการ anti-aliasing ได้อย่างดี นอกจากนี้ข้อดีอีกอย่างคือหน้าจอแสดงผลที่ชัดและเมื่อถูกรวมเข้ากับความละเอียดภาพ 36MP กับเซนเซอร์แบบ full-frame ทำให้ภาพที่ออกมาสวย สมจริงไม่ต่างจากในหน้าจอคอม นั่นทำให้เรานั้นรู้สึกได้ถึงความคุ้มค่ากับราคาที่เสียไป และบอกเลยครับว่าใครที่ชอบใหญ่ๆ ดุๆ ตัวนี้ห้ามพลาดครับ gustyphoto
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> เว็บตรงสล็อต