ขอต้อนรับเข้าสู่การย้อนรอยกับกล้อง Canon PowerShot G3 โดยกล้อง Power Shot G1 รุ่นดั้งเดิม 3MP ได้รับการประกาศในงาน Photokina 2000 (ในเดือน กันยายน ปี 2543) และหลังจากนั้นเพียงไม่ถึงหนึ่งปีต่อมา (สิงหาคม 2544) พวกเขาได้ประกาศ PowerShot G2 4MP พร้อมการปรับปรุงที่สำคัญพอสมควร
เนื่องจากหนึ่งปีหลังจากนั้นที่งาน Photokina ปี 2002 Canon ได้ประกาศ PowerShot G3 4MP ตัวใหม่ ด้วยการออกแบบตัวกล้องใหม่ที่ทันสมัย รูปแบบการควบคุมและตัวประมวลผลภาพใหม่ และเลนส์ซูม optical สี่เท่า วันนี้เราจังอยากพาทุกท่านย้อนกลับไปกับกล้องยุคต้น 2000 ที่แสนจะวินเทจว่ามันมีลักษณะและความโดดเด่นที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง
คุณสมบัติที่สำคัญ
+ CCD 4MP (ประสิทธิภาพ 3.87) สำหรับภาพ 2,272 x 1,704 MP
+ เลนส์ซูม optical ตัวใหม่ 4X, f/2.0-3.0
+ Auto, Scene Program, Program และโหมดตั้งค่าแสงเอง
+ แผง LCD ปรับเอียง/หมุนได้ไม่ซ้ำใคร
+ คุณสมบัติหลายอย่างถูกปรับปรุงค่อนข้างมากจากรุ่นดั้งเดิม
การออกแบบ
เมื่อเราดูกล้อง G3 เปรียบเทียบกับรูปลักษณ์ของรุ่นที่เก่ากว่า เช่น G1 และ G2 พบว่าถึงแม้ว่า G2 จากให้ความโค้งมนที่สวยงามกว่า แต่ G3 กลับดูดีกว่าด้วยลายเส้นที่สะอาดตา, รูปแบบการควบคุมที่ดีขึ้นและพื้นผิวสีเงินที่พอเหมาะพอดี
เนื่องจากตัวกล้องมีสัมผัสง่ายๆ เช่น การจัดตำแหน่งของหน้าต่างช่องมองภาพ, AF assist lamp และแฟลชที่อยู่ตามเส้นบนตัวกล้องที่ถูกคิดถึงการออกแบบมาอย่างดีเยี่ยมทำให้ G3 ดูสะอาดตา ตัวกล้องเป็นโลหะครึ่งหนึ่งและพลาสติกครึ่งหนึ่ง โดยด้านหน้าและด้านบนของกล้องรวมถึงด้านหลังของจอภาพ LCD ทำจากโลหะผสม ด้านหลัง ครึ่งหนึ่งของฐานและด้ามจับเป็นพลาสติก
และเมื่อดูจากขนานจะพบว่า G3 ไม่ได้มีขนาดที่เปลี่ยนไปจาก G2 มากนัก แต่ว่าให้น้ำหนักที่เบากว่า G2 เล็กน้อย หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงของการควบคุมหลักที่เห็นได้ชัดคือ การเพิ่มแป้นหมุนเลือกคำสั่งใหม่ที่ด้านบนของด้ามจับ และส่วนที่ขยายออกของกระบอกเลนส์ใหม่จะบางกว่า G2
และเมื่อคุณจับถือ G3 บนมือจะพบว่ามันให้ความรู้สึกสบายในการจับถือเนื่องจากมีด้ามจับที่ขนาดพอดีมือ และด้านในของด้ามจับเคลือบด้วยวัสดุยางแข็งแต่ด้านนอกเป็นพลาสติก และที่สำคัญคือมันให้สมดุลน้ำหนักที่กำลังดี โดยในตัวด้ามจับจะมีแบตเตอรี่ Lithium-Ion ติดตั้งอยู่ด้านในด้วย
หน้าจอแสดงผล LCD และช่องมองภาพ
G3 มีจอ LCD แบบพลิกออกและบิดได้ และจอแสดงผลทั้งหมดสามารถพับเก็บ (หน้าจอเข้า) เมื่อไม่ใช้งานเพื่อช่วยปกป้องหน้าจอได้ โดยหากคุณต้องการใช้งานมันคุณก็สามารถพลิกหน้าจอออกมานอกตัวกล้องหรือบิดได้ถึง 180องศา และเมื่อไม่ได้ใช้งานหรือใช้งานเรียบร้อยแล้วก็สามารถพับเห็นเข้าไปในตัวกล้องได้เหมือนกล้องดิจิทัลทั่วไป ในการปรับปรุงการออกแบบนี้ ตอนนี้ Canon ได้ขึ้นรูปส่วนหลังของกล้องเพื่อให้จอแสดงผลพอดีเมื่อพับเข้า
หน้าจอมีการเคลือบป้องกันแสงสะท้อนแบบด้านที่ยอดเยี่ยม เพื่อความสว่าง, ความละเอียด และคมชัดของหน้าจอแสดงผลมากขึ้น และคุณจะได้จอภาพ LCD ที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งจากกล้องดิจิตอลระดับเดียวกัน
และในส่วนของช่องมองภาพ เช่นเดียวกันกับเช่นเดียวกับกล้องดิจิตอลส่วนใหญ่ ช่องมองภาพของ G3 เป็นประเภท ‘optical tunnel’ แบบมาตรฐาน มันใช้งานได้สำหรับการใช้งานเป็นครั้งคราว แต่ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการใช้ตลอดเวลา และนอกจากนี้ข้อเสียใหญ่สำหรับกล้องตัวนี้ คือการวางกระบอกเลนส์ที่ทำให้บังมุมซ้ายล่างของมุมมอง โดยช่องมองภาพครอบคลุมการมองเห็นภาพเพียง 84% เท่านั้น
อายุการใช้งานแบตเตอรี่
เนื่องจากแบตเตอรี่ของกล้องรุ่นนี้ถูกติดตั้งอยู่ในด้ามจับ ซึ่งการออกแบบทำให้เห็นประตูฝาและตัวยึดได้ไม่ชัดเจน จึงทำให้ตัวกล้องค่อนข้างสะอาดตามาก โดยแบตเตอรี่ถูกยึดไว้ด้วยคลิปสปริงสีน้ำตาลเล็กๆ เพียงหมุนเล็กน้อย และเมื่อต้องการเปิดแบตเตอรี่ก็จะเด้งออกมาอย่างง่ายดาย
กล้อง G3 ใช้แบตเตอรี่แบบเดียวกับ G1 และ G2 โดยใช้ชุดแบตเตอรี่ Canon BP-511 Lithium-Ion ซึ่งมีอัตราอยู่ที่ 7.4 V, 1100 mAh (8 Wh) และการชาร์จแบตเตอรี่กล้องมีอยู่ 2 วิธีคือ สามารถใช้อะแดปเตอร์ AC หรือเครื่องชาร์จที่ให้มาโดยการเสียบเข้ากับด้านข้างของกล้องก็ได้
เมื่อคุณทำการชาร์จอยู่บนตัวกล้องจะมีไปสีส้มกะพริบเป็นระยะเพื่อให้รู้ว่าเรากำลังชาร์จอยู่ และเมื่อแบตเตอรี่เต็มแล้วมันจะขึ้นเป็นสีส้มอย่างต่อเนื่องโดยไม่กะพริบ และนอกจากนี้ คุณยังสามารถซื้อเครื่องชาร์จแบตเตอรี่คู่หรือเครื่องชาร์จในรถยนต์ได้
คุณภาพการถ่ายภาพโดยรวม
G3 เป็นวิวัฒนาการเชิงตรรกะของ G2 ที่ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จอย่างไม่ต้องสงสัย และเลนส์ซูม optical 4x ตัวใหม่นี้ดูเหมือนจะมีคุณภาพดีพอๆ กับเลนส์ 3x ของ G2 และกระจกก็มีความสำคัญเสมอสำหรับกล้องดิจิตอล compact
เมื่อหลังการทดสอบการถ่ายภาพแล้วพบว่า ภาพของ G3 แสดงช่วงไดนามิกที่ยอดเยี่ยม วัดแสงได้ดีตามปกติและมีโทนเสียงที่สมดุลตามธรรมชาติ กล้อง G3 มีความสามารถที่น่าอัศจรรย์ในการรักษารายละเอียดของไฮไลท์ในขณะเดียวกันก็ยังคงสามารถให้รายละเอียดและเงา ‘แสง’ ได้อย่างดีเยี่ยม
และยังให้จัดรบกวนที่ดี โดยเฉพาะการตั้งค่า ISO ที่ 50 (ซึ่งเทียบเท่ากับ ISO 80 โดยประมาณ) นอกจากนี้ G3 ยังให้การตอบสนองสีที่คล้ายคลึงกันมากกับกล้องดิจิตอล PowerShot รุ่นอื่นๆ ทุกรุ่น ซึ่งมีความแม่นยำแต่ก็ยังให้ความสดใสและสบายตาเช่นกัน ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ