วันนี้เราจะพาทุกท่านย้อนกลับไปในยุคฟิล์ม แบบที่จะซื้อกล้อง compact ที่สามารถให้คุณภาพของภาพถ่ายเทียบเท่ากับกล้อง SLRได้ แน่นอนว่าคุณจะไม่ได้รับคุณสมบัติระดับสูงบางอย่าง และส่วนใหญ่จะเป็นเลนส์แบบคงที่ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคุณจะถ่ายภาพด้วย Olympus XA หรือ OM1 ภาพนั้นถูกสร้างขึ้นบนเฟรมฟิล์ม 35 มม.
ย้อนกลับไปในกลางปี 2000 สำหรับช่างภาพที่ไม่ต้องการซื้อกล้องราคาสูงฉะนั้นกล้องนี้จึงเป็นตัวเลือกที่หลายคนเลือก ซึ่งมีเซนเซอร์ขนาดเล็กที่พบในแทบทุกรุ่นในตลาดในปี 2548 โดยISO อยู่ที่ประมาณ 320 หรือ 400 ดังนั้นด้วยเซนเซอร์ที่มีขนาดเล็กจึงทำให้เกิดปัญหาหรือมีข้อจำกัดในการถ่ายภาพในที่ที่มีแสงสว่างน้อยกว่าแสงแดด
นอกเหนือไปจากประสิทธิภาพการทำงานในที่แสงน้อยที่ไม่ค่อยดีแล้ว ทั้งหมดยกเว้น compact ที่ดีที่สุดในปี 2548 ก็ยังประสบปัญหาจากการทำงานที่ช้าและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ต่ำด้วยเช่นกัน
คุณสมบัติพื้นฐานบางส่วน
+ Super CCD HR 6.3MP ให้ความละเอียดของภาพสูงถึง 2848 x 2136 พิกเซล
+ จอภาพสี TFT LCD polysilicon อุณหภูมิต่ำขนาด 2.5 นิ้ว
+ เลนส์ซูม 3x Fujinon 36-108 มม. พร้อมรูรับแสงกว้างสุด f/2.8 ถึง f/5.0
+ โฟกัสอัตโนมัติพร้อมการให้พื้นที่ AF ที่ปรับได้
+ ซูมดิจิตอลสูงสุด 6.2 เท่า
+ ความเร็วชัตเตอร์ตั้งแต่ 1/2,000 ถึง 3 วินาที
+ แฟลชในตัวที่มีถึง 6 โหมด
+ ที่เก็บข้อมูลการ์ด xD-Picture (รวมการ์ด 16MB)
+ มีอะแดปเตอร์ Picture Cradle เพื่อเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์และสำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ในกล้อง
+ มีระดับภาพ JPEG ให้เลือก 3 ระดับ คือ Basic, Normal, Fine
คุณสมบัติพิเศษ
+ โหมดภาพยนตร์ (พร้อมเสียง) และโหมดบันทึกเสียง
+ โหมดถ่ายภาพความเร็วสูงเพื่อเพิ่มความเร็วในการโฟกัส
+ โหมดถ่ายภาพ 3 เฟรมสูงสุด 3 เฟรมสุดท้าย และโหมดถ่ายภาพต่อเนื่องระยะยาว
+ โหมดตั้งเวลาถ่าย 10 และ 2 วินาทีสำหรับการลั่นชัตเตอร์แบบหน่วงเวลา
+ โหมดเปิดรับแสงนานช่วยให้เลือกความเร็วชัตเตอร์ได้เองตั้งแต่ 3 ถึง 15 วินาทีในโหมดถ่ายภาพกลางคืน
+ สามารถใช้งาน DPOF (รูปแบบคำสั่งพิมพ์ดิจิทัล)
+ สาย USB สำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ (รวมถึง driver software)
+ วิดีโอสำหรับเล่นภาพบนเครื่องและโทรทัศน์
ข้อดี
+ ภาพถ่ายสวยงาม
+ ตอบสนองไว
+ กล้องเล็งแล้วถ่ายที่ยอดเยี่ยม
+ อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยอดเยี่ยม
ข้อเสีย
– ไม่มีช่องมองภาพแบบ optical
– การควบคุมแบบ manual ที่จำกัด
– ต้องใช้การ์ด xD ราคาสูง
การออกแบบและการจัดการ
กล้อง FinePix F10 เป็นกล้อง compact ที่มีขนาดใหญ่กว่าสำรับไพ่เพียงเล็กน้อยและหนากว่าเล็กน้อยโดยประมาณ 1.1 นิ้วเท่านั้น และมีน้ำหนักประมาณ 204.17 กรัม พร้อมแบตเตอรี่และการ์ดรูปภาพ xD แน่นอนว่ามันไม่ใช่กล้องที่บางที่สุดในกลุ่ม แต่มันก็ง่ายพอที่พกพาไปได้ทุกที ทั้งยังมีการซูมแบบ optical Fujinon 3 เท่า ซึ่งเท่ากับ 36 มม.-108 มม. อยู่ที่ 35 มม. ซึ่งเป็นระดับการซูมพื้นฐานที่พบได้ในกล้องดิจิทัลส่วนใหญ่
นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มการซูมแบบดิจิตอล 6.2x แต่เราไม่ค่อยแนะนำให้ใช้คุณสมบัตินี้นัก เนื่องจากมันจะทำให้คุณภาพของภาพที่ได้รับลดลง และเมื่อปิดเครื่อง เลนส์จะหดกลับเข้าไปในตัวกล้องและฝาครอบเลนส์โลหะจะปกป้องเลนส์โดยอัตโนมัติ
ด้านบนของกล้องมีปุ่มเปิด/ปิดและปุ่มชัตเตอร์ รวมถึงปุ่มหมุนธรรมดาสำหรับเปลี่ยนการตั้งค่าเป็นโหมดอัตโนมัติ โหมด manual หมดภาพยนตร์ และ SP สำหรับโหมดฉาก รวมถึงแสงธรรมชาติที่ยอดเยี่ยมมาก และในส่วนของด้านหน้ามีไฟช่วยหา AF ไฟตั้งเวลาถ่ายและไมโครโฟน
ด้านหลังของกล้องมีหน้าจอ LCD ขนาด 2.5 นิ้ว (ความละเอียด 115K พิกเซล) สวิตช์สลับไวด์/tele แป้น 4 ทิศสำหรับเปลี่ยนการตั้งค่าด้วยปุ่มตั้งค่า และปุ่มแยกสำหรับการเล่น โหมดภาพถ่าย fuji และ Display/Back ทั้งหมดนี้มีการจัดวางที่เหมาะสมและละเอียด แต่เสียดายที่ไม่มีช่องมองภาพแบบ optical และให้ใช้หน้าจอ LCD แทน แต่มักจะมองยากเช่นกันในที่แจ้ง
คุณภาพของภาพถ่าย
ภาพจากกล้อง Fuji F10 มีความสะอาดอย่างน่าทึ่ง โดยมีระดับจุดรบกวนต่ำกว่าที่เราคุ้นเคยจากกล้องดิจิทัล ซึ่งสัญญาณรบกวนแทบจะไม่มีเลยเมื่อตั้งค่า ISO ต่ำที่ ISO 400 การประมวลผลป้องกันสัญญาณรบกวนเริ่มเบลอรายละเอียดปลีกย่อย แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นดี และที่ ISO 800 และ 1600 ภาพจะเบลอมากขึ้นแต่ระดับจุดรบกวนยังคงต่ำอย่างน่าประหลาดใจ
ภาพที่ ISO 800 นี้เล็กน้อยสำหรับการพิมพ์ขนาด 8×10 นิ้ว แต่ดูดีที่ 5×7 และแม้แต่ ISO 1600 ก็ยังดูดีในขนาดเท่านี้เช่นกัน และภาพที่ ISO 400 ดูดีเมื่อพิมพ์ขนาดใหญ่ถึง 8×10 นิ้ว สรุปแล้วเป็นผลงานที่น่าประทับใจมาก
อายุการใช้งานแบตเตอรี่
กล้อง Fujifilm FinePix F10 ใช้แบตเตอรี่ LiIon แบบชาร์จได้ ซึ่งมันให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยอดเยี่ยมมากๆ ซึ่งเมื่อเราทดสอบแล้วพบว่ามันให้การใช้งานที่ดีมากๆ แต่เวลาของการทดสอบที่ต่ำที่สุดในโหมดถ่ายภาพ (แม้ว่าจะไม่ได้กดชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่ง) คือ 276 นาทีที่น่าประทับใจ และเวลาในโหมดแสดงภาพคือ 400 นาทีเต็ม ซึ่งมีกล้องไม่กี่ตัวในตลาดที่สามารถเทียบเคียงได้ในด้านนี้
และเรามักจะแนะนำให้ซื้อแบตเตอรี่สองกล้องพร้อมกับกล้องเพื่อเป็นการป้องกันการใช้งานที่สะดุด แต่อายุการใช้งานแบตเตอรี่ของ F10 นั้นดีพอที่ผู้ใช้ทั่วไปส่วนใหญ่อาจไม่ต้องใช้แบตเตอรี่สำรองเลยก็เป็นได้