นักออกแบบกล้องของ Sony มักจะชอบลองอะไรที่แตกต่างออกไปเสมอ เช่นเดียวกับกล้องตัวนี้ Sony Cyber-shot DSC-F707 โดยกล้องรุ่นนี้ได้เปิดตัวเมื่อปี 2544 ซึ่งเป็นกล้องรุ่นต่อจาก DSC-F505V ที่ทำงานด้วยการใช้งานเลนส์ที่สามารถหมุนได้ที่ติดอยู่บนตัวกล้อง และเมื่อเราตรวจสอบกล้อง F707 นี้แล้วพบว่ามันเหมือนจะเป็นเลนส์มากกว่ากล้อง ทำให้เราคิดว่ามันค่อนข้างแปลกใหม่มาก แต่อย่างไรก็ตามเลนส์ที่ออกแบบมาก็เข้ากับสรีระของกล้องได้เป็นอย่างดี
คุณสมบัติเบื้องต้น
CCD พิกเซล: 5.24 เมกะพิกเซล
ความละเอียดสูงสุด: 2560 x 1920
เลนส์: F2.0 – F2.4, 58 mm
โฟกัสอัตโนมัติ: Contrast AF, NightFraming, Hologram AF (เลเซอร์)
ความไว ISO: อัตโนมัติ และ ISO 100, 200, 400
โหมดการรับแสง: Program AE, Aperture Priority, Shutter Priority, Full Manual, Scene
ความไวชัตเตอร์: 30 – 1/1000 วินาที
ช่องมองภาพ: EVF แบบ LCD ขนาด 1.8 นิ้วพร้อมการเคลือบป้องกันแสงสะท้อน
แบตเตอรี่: InfoLithium M (8.5 Wh)
ตัวกล้องและดีไซน์
เมื่อดูจากตัวกล้องมันจะยังดูคล้ายกับกล้อง F505 ที่มีความแตกต่างอย่างคุ้นเคยไปกับการออกแบบที่แปลกตา โดยน้ำหนักของกล้องส่วนใหญ่จะอยู่ที่เลนส์ ซึ่งมีขนาดใหญ่ถึง 5 เท่าโดยตัวกล้องจะติดอยู่กับเลนส์ที่สามารถหมุนได้ และสามารถปรับหมุนขึ้นได้ถึง 77 องศา (จอ LCD หงายขึ้น) และลงได้ 36 องศา
ในขณะที่กล้องตัวนี้ออกมาในเวลานั้น ทำให้ผู้คนแปลกตาและสับสนกับการออกแบบของกล้อง F505 และ F707เป็นอย่างมาก แต่หลังจากที่ได้ลองใช้และจับถือมัน ก็จะพบว่าสรีระที่แปลกตาของมันเข้ากับมือเราได้อย่างเป็นธรรมชาติ
แต่มันก็มีข้อแตกต่าง ที่ต่างจากกล้อง F505 เช่น F707 ให้ช่องมองภาพ EVF ที่หลากหลายมากกว่า (จอ LCD ขนาดเล็กพร้อมช่องมองภาพ) และสิ่งใหญ่ที่เพิ่มเข้ามาคือด้ามจับเคลือบยางหนา (ซึ่งเป็นที่ใส่แบตเตอรี่อยู่ภายใน) และก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงด้านอื่นๆ อีกมากมาย
ตัวกล้องทั้งหมดทำจากโลหะผสมแมกนีเซียมที่แข็งแรงและเคลือบด้วยสีเทาด้าน และแน่นอนว่าคุณภาพของตัวกล้องนั้นทำได้อย่างดีเยี่ยม โดยรายละเอียดทั้งหมดให้ความรู้สึกถึงความมั่นคงและแข็งแกร่งมากเมื่อจับถือ
หน้าจอ LCD และช่องมองภาพ
จอ LCD ตัวหลักมีความสว่างและชัดเจน ซึ่งมีการเคลือบป้องกันแสงสะท้อนและการปรับแต่งต่างๆ (ผ่านเมนู SETUP) ซึ่งช่วยให้คุณควบคุมทั้งความสว่างของภาพและระดับแบ็คไลท์ได้ และเนื่องจากหน้าจอ LCD ของมันมีความสว่างและชัดเจนที่น่าประทับใจอย่างมาก ทำให้เมื่อรวมเข้ากับการเคลือบป้องกันแสงสะท้อนแล้วจึงทำให้มันเป็นหนึ่งในกล้องดิจิทัลที่สามารถใช้งานที่กลางแจ้งได้ง่ายที่สุดรุ่นหนึ่ง
โดยเราทำได้การวัดความครอบคลุมเฟรมของ LCD ได้ถึง 98% ซึ่งถือว่าดีมาก และจะทำให้มั่นใจได้ว่าภาพของคุณจะสะท้อนสิ่งที่คุณเฟรมไว้ทุกประการ
F707 มีช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งตามหลักแล้วก็คือจอ LCD ขนาดเล็กที่มีช่องมองภาพขยาย โดยด้านหลังของช่องมองภาพมียางรองตา และด้านบนคุณจะพบการปรับค่าสายตาสำหรับผู้ที่สวมแว่นตาให้สามารถใช้งานได้สะดวกมากขึ้นอีกด้วย
ซึ่งการแสดงภาพของช่องมองภาพนั้นทำได้ค่อนข้างดี ความละเอียดค่อนข้างสูง ความเร็วในการรีเฟรชเท่ากับจอ LCD ด้านหลัง และมีการบิดเบือนมุมน้อยมาก และจะเห็นว่า EVF นี้มีความละเอียดมากกว่าที่เห็นในกล้องรุ่นอื่นๆ ที่ออกมาในช่วงเวลานั้น
พื้นที่จัดเก็บ และอายุการใช้งานแบตเตอรี่
ทางด้านขวาของด้ามจับกล้องคือ ช่องสำหรับพื้นที่จัดเก็บและแบตเตอรี่ โดยประตูจะเป็นสปริงที่เปิดออกไปทางด้านหน้าของกล้อง โดย F707 ใช้รูปแบบ Memory Stick ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Sony กล้องมี Memory Stick ขนาด 16 MB โดยตั้งค่ากล้องเป็น JPEG Fine (ภาพประมาณ 2.2 MB) คุณจะสามารถเก็บภาพได้ประมาณ 6 ภาพ
และปัญหาหนึ่งอย่างที่เราพบคือ ความจุของหน่วยความจำ Memory Stick ที่มีความจุสูงสุดในปัจจุบันอยู่ที่ 128 MB เท่านั้น และJPEG คุณภาพ FINE 5mp แต่ละไฟล์มีน้ำหนักประมาณ 2.2 MB ซึ่งไม่สามารถให้ความสามารถในการถ่ายภาพได้มากนักในแท่งเดียว ฉะนั้นหากจะใช้งานจริงอาจจะต้องพก Memory Sticks สำรองติดกระเป๋าไว้
F707 ใช้แบตเตอรี่ InfoLithium NP-FM50 ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งให้พลังงาน 1200mAh ที่ 7.2V (8.5Wh) ซึ่งแปลว่าสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้ประมาณ 4 ชั่วโมง นอกจากนี้มันยังสามารถชาร์จแบตเตอรี่ในกล้องได้อีกด้วย เพียงแค่เชื่อมต่อเครื่องชาร์จหรืออะแดปเตอร์ AC ที่ให้มาเข้ากับขั้วต่อ DC-IN ของกล้อง จากนั้นไฟ LED สีเหลืองที่ด้านหลังของกล้องจะแจ้งว่าแบตเตอรี่กำลังชาร์จอยู่
คุณภาพของภาพถ่าย
เมื่อดูจากภาพถ่ายที่เราทดสอบแล้วพบว่ากล้อง F707 ให้ความละเอียดที่น่าทึ่งมากกว่าที่เราเคยเห็นจากกล้อง 5MP ทั่วไป โดยกล้องให้ความสมดุลของสีที่โดยรวมถือว่าดีมาก และสิ่งหนึ่งที่เราชอบมากใน F707 คือการควบคุมความอิ่มตัวของสี หรือสีในลักษณะเดียวกับความอิ่มตัวของสี (ระดับ +/-2)
และระดับจุดรบกวน F707 ก็ทำได้ดูดีมาก โดยมีระบบลดจุดรบกวน ‘Clear Color’ ใหม่ซึ่งช่วยให้มีจัดรบกวนต่ำ จุดรบกวนที่มองเห็นได้เพียงอย่างเดียวคือจุดรบกวนแสงสีในพื้นที่เงา แม้จะน้อยกว่าที่เราเคยเห็นจากกล้องดิจิทัล 3 เมกะพิกเซลที่มีอยู่ และความแตกต่างนั้นดียิ่งขึ้น หากตั้งค่าความไวแสงที่สูงขึ้น F707 ก็จะสามารถทำงานได้ดีที่ ISO 200 และ 400