Canon EOS Rebel SL3 (หรือที่รู้จักในชื่อ EOS 250D) เป็นกล้อง DSLR ขนาดกะทัดรัดพิเศษรุ่นล่าสุดของ Canon และมาพร้อมกับเซนเซอร์ APS-C 24MP ที่มีโฟกัสอัตโนมัติแบบ Dual Pixel ที่แม่นยำและให้การใช้งานที่ง่าย
SL3 ไม่เพียงแต่มีคำแนะนำที่เป็นมิตรที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานเริ่มต้นเท่านั้น แต่มันมีขนาดที่ใหญ่กว่า Rebel T7i และมันสามารถถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยมภายใต้สถานการณ์ที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังให้การใช้งานที่เพลิดเพลิน ถือสบาย และมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่น่าทึ่งหากคุณใช้ช่องมองภาพแบบออพติคัล
สเปกเบื้องต้น
เซนเซอร์: 24.1MP APS-C CMOS, 22.3 x 14.9มม.
ตัวประมวลผลภาพถ่าย: DIGIC 8
จุด AF: การตรวจจับเฟส 9 จุด (ช่องมองภาพ)
ช่วง ISO: 100 – 25,600 (ขยายได้ถึง 51,200)
ขนาดภาพสูงสุด: 6,000 x 4,000
โหมดวัดแสง: ประเมิน, เน้นกลางภาพ, เฉพาะจุด, บางส่วน
วิดีโอ: 4K UHD ที่ 60p, 50p, 30p, 25p, 24p
ช่องมองภาพ: กระจกเพนทามิเรอร์แบบออพติคอล ให้การครอบคลุมถึง 95% กำลังขยาย 0.87x
การ์ดหน่วยความจำ: SD/SDHC/SDXC (รองรับการใช้งาน UHS I)
LCD: หน้าจอสัมผัสแบบ vari-angle ขนาด 3 นิ้ว , 1.04ม. dots
การถ่ายภาพต่อเนื่อง: 5fps
การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth
ขนาด: 122.4 x 92.6 x 69.8มม. (เฉพาะตัวกล้อง)
น้ำหนัก: 451g (รวมทั้งตัวกล้อง แบตเตอรี่ และการ์ด SD)
Canon เสนอ EOS Rebel SL3 เป็นกล้อง DSLR ที่เบาที่สุดในโลกพร้อมหน้าจอที่เคลื่อนย้ายได้ แม้จะมีกล้องมิเรอร์เลสที่เล็กกว่านี้ แต่สำหรับกล้อง DSLR นั้นกล้อง EOS Rebel SL3 ถือเป็นกล้องที่มีขนาดเล็กและเบา
และหากพูดถึงข้อแตกต่างระหว่างกล้องมิเรอร์เลส และ DSLR จะพบว่า DSLR นั้นหนากว่าและจับได้ง่ายกว่ากล้องมิเรอร์เลสสำหรับผู้เริ่มต้นส่วนใหญ่ และยังมีช่องมองภาพแบบออพติคอลที่ชัดเจนซึ่งหลายคนยังคงชอบรุ่นดิจิตอลมากกว่า และแบตเตอรี่มีอายุการใช้งานยาวนานกว่ามากเนื่องจากไม่ได้จ่ายพลังงานให้กับจอแสดงผลดิจิตอลอย่างต่อเนื่อง
Canon ได้มุ่งเป้าไปที่ช่างภาพระดับเริ่มต้น ด้วยการผสมผสานระหว่างความเรียบง่ายแบบเล็งแล้วถ่าย UI ที่แนะนำ (ส่วนต่อประสานผู้ใช้) เพื่อแนะนำผู้ใช้ใหม่เกี่ยวกับพื้นฐานของการถ่ายภาพ และโหมด Creative Assist สำหรับเอฟเฟกต์ภาพถ่ายที่ชวนน่าลองมากยิ่งขึ้น และกล้อง EOS Rebel SL3 ให้การควบคุมแบบแมนวลเต็มรูปแบบอย่างที่คุณคาดหวังว่าจะได้รับจากกล้อง DSLR
ด้านในตัวกล้องเป็นเซนเซอร์ APS-C ความละเอียด 24.1MP แบบที่เราเห็นในกล้อง Canon หลายรุ่น และมีขนาดและความละเอียดใกล้เคียงกับที่ใช้ในกล้อง Nikon, Sony และ Fujifilm เช่น Nikon D5600, Sony A6400, Fujifilm X-T200 และกล้องรุ่นนี้ให้การใช้งานรวมกับการประมวลผลของ DIGIC 8 รุ่นล่าสุดของ Canon ซึ่งการประมวลตัวให้นี้ช่วยให้คุณภาพของภาพที่ดีขึ้นเมื่อตั้งค่า ISO สูงกว่า
โครงสร้างและการจัดการ
Rebel SL3 มีขนาดเล็กมากสำหรับกล้อง DSLR โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความกว้างและน้ำหนัก และแม้ว่าเลนส์คิท Canon 18-55mm f/4-5.6 IS STM จะมีขนาดกะทัดรัดดังนั้นการรวมกันของตัวกล้องและเลนส์ที่หนาทำให้ Canon ‘ยาว’ กว่ากล้องมิเรอร์เลสอย่างเห็นได้ชัด
ตัวกล้องมีกริปขนาดพอเหมาะ ทำให้เราสามารถถือด้วยมือเดียวได้ง่ายและปลอดภัย และเมื่อจับถือตัวกล้องให้ความรู้สึกเหมือนพลาสติกเล็กน้อยแต่สิ่งนี้ถูกชดเชยด้วยปุ่มและแป้นหมุนคุณภาพสูงที่ถูกจัดวางมาอย่างดี
ช่องมองภาพมีขนาดเล็กกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อยสำหรับกล้อง DSLR เนื่องจากใช้การออกแบบ ‘เพนทามิเรอร์’ ที่ถูกกว่าแทนที่จะเป็นเพนตาปริซึมปกติ แต่มันก็ให้ความสว่างและคมชัด และให้จุดโฟกัสอัตโนมัติและแสดงข้อมูลการถ่ายภาพที่ชัดเจน
และด้านหลังของตัวกล้องเป็นหน้าจอที่สามารถปรับมุมได้ และมันเป็นหน้าจอที่ยอดเยี่ยมมากเนื่องจากคุณสามารถเปลี่ยนเป็น Live View ได้โดยการกดปุ่มที่ด้านหลังกล้อง จากนั้นคุณสามารถใช้ระบบควบคุมแบบสัมผัสเพื่อกำหนดจุดโฟกัสและเปลี่ยนการตั้งค่ากล้องได้อย่างสะดวก นอกจากนี้มันยังให้การแสดงผลที่คมชัด สีสันชัดเจน และการตอบสนองต่อการสัมผัสที่ยอดเยี่ยม
ประสิทธิภาพ
(เครดิต: Carey Rose)
Canon ให้การใช้งานที่ดียิ่งขึ้นในโหมด Live View ที่ซึ่งระบบ Dual Pixel CMOS AF ล่าสุดที่สามารถเข้าควบคุมและมอบความเร็วโฟกัสอัตโนมัติที่รู้สึกว่าเร็วยิ่งขึ้น โดยคุณสามารถเลือกระหว่างโหมด AF ติดตามวัตถุ, AF จุดเดียว, AF จุดเดียว และ AF โซน ในโหมดถ่ายภาพเดี่ยวหรือโหมด Servo AF ต่อเนื่อง
คุณสามารถเปลี่ยนจากการถ่ายภาพนิ่งเป็นวิดีโอโดยใช้ตำแหน่งที่สามบนสวิตช์เปิดปิดหลัก และกล้องจะเข้าสู่โหมด Live View โดยอัตโนมัติและเปลี่ยนเป็นโหมดโฟกัสอัตโนมัติแบบต่อเนื่อง
วิดีโอ 4K เป็นจุดขายที่สำคัญของกล้องนี้ แต่มันก็ยังมีข้อจำกัดบางประการเมื่อคุณเปลี่ยนจากการจับภาพแบบ Full HD (1080) เป็น 4K อย่างแรกคือ มี ‘ปัจจัยการครอบตัด’ ที่สำคัญในโหมด 4K ซึ่งหมายความว่ามุมมองของเลนส์ของคุณจะแคบลงโดยอัตโนมัติ แต่สิ่งนี้ก็เป็นเรื่องปกติในกล้อง Canon รุ่นล่าสุด แต่แน่นอนว่าเมื่อคุณใช้งานมันอย่างคุ้นเคยแล้ว คุณก็จะสามารถใช้งานมันได้คล่องมากขึ้น
ข้อจำกัดอื่นๆ คือคุณไม่สามารถใช้โหมด Spot AF และ Zone AFได้ แต่การติดตามวัตถุและ AF จุดเดียวก็เพียงพอแล้ว และกล้องก็ทำหน้าที่ติดตามวัตถุรอบๆ กรอบได้อย่างดีเยี่ยมเมื่อโฟกัสอัตโนมัติมีการล็อกอยู่
และหลังการทดสอบการถ่ายภาพพบว่า ภาพที่ได้มีพื้นผิว สี และประเภทรายละเอียดต่างๆ ที่ตรงกับภาพจริงได้อย่างดี นอกจากนี้ยังมีโหมดการส่องสว่างสองโหมดเพื่อดูผลกระทบของสภาพแสงที่แตกต่างกันได้อีกด้วย
ดังนั้นคุณภาพของภาพโดยรวมนั้นเหมือนกันกับกล้อง Canon 24MP รุ่นอื่นๆ หรือรุ่นล่าสุดที่ใช้การประมวลผล Digic 8 และสำหรับการถ่ายภาพ JPEG คุณจะได้ภาพที่ปรับความคมชัดตามค่าเริ่มต้นที่ให้ภาพมีความนุ่มนวลเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามคุณก็สามารถปรับแต่งรูปภาพในกล้องได้ตามความต้องการ