กล้อง Olympus Mju II Infinity Stylus Epic เป็นรุ่นที่สองของซีรีส์กล้องฟิล์ม 35 มม. แบบพกพาพร้อมเลนส์ที่รวดเร็วขึ้น สามารถกันน้ำได้ รับรอง trigger ไร้สายระยะไกล และโครงสร้างกล้องที่ให้การใช้งานที่ง่ายมากขึ้น
การออกแบบของ Mju II ที่คล้ายกับรุ่นก่อนหน้าโดยมีรากฐานมาจากความเรียบง่าย ความกะทัดรัด และ optics ที่มีความสามารถ คือ prime 35 มม. f2.8 ซึ่งไม่บ่อยนักที่คุณจะพบเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างเช่นนี้ในกล้องแบบเล็งแล้วถ่าย แต่ต้องบอกอีกครั้งว่า Stylus Epic ไม่ใช่แค่กล่องพลาสติกธรรมดาๆ เท่านั้น เนื่องจาก Mju II เป็นของกล้อง Olympus ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ที่ทำยอดขายได้มากกว่า 2ล้านตัวตั้งแต่เปิดตัวในยุค 90
และด้วยคุณสมบัติที่ชาญฉลาดของมัน ทำให้มันเป็นกล้องที่ดีที่สุดในซีรีส์นี้ ที่มาพร้อมกับเลนส์ prime 35 มม. f2.8-f11 ที่สามารถโฟกัสอัตโนมัติได้ใกล้ถึง 35 ม. และ leaf shutter ที่เร็วเป็นพิเศษด้วยความเร็วสูงสุด 1/1000 วินาที และทั้งหมดนี้มาในแบตเตอรี่ CR123 ที่พบได้ทั่วไป นอกจากนี้ยังมีแฟลชในตัวที่ยอดเยี่ยมซึ่งชาร์จได้ใหม่ภายใน 3.5 วินาที ซึ่งมีประโยชน์สำหรับระยะสูงสุด 4 เมตรที่ ISO 100 ด้วย 5 โหมด คือ อัตโนมัติ, ลดตาแดง, fill, ฉากกลางคืน (slow synch สูงสุด 4 วินาที)
โครงสร้างและดีไซน์
กล้องรุ่นนี้ให้การควบคุมที่ง่ายอย่างไม่น่าเหลือเชื่อ ด้วยปุ่มปุ่มชัตเตอร์สีเงินขนาดใหญ่และปุ่มยางเล็กๆ 2 อันที่ด้านหลัง ซึ่งเข้ากันได้ดีกับรูปทรงเพรียวบางที่สร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์การใช้งานเพื่อให้ความรู้สึกสบายมือเมื่อถือ ทำให้เราสามารถดึง Mju II ออกจากกระเป๋าและถ่ายภาพได้ภายในห้าวินาทีเท่านั้น
กล้อง Mju II มีน้ำหนักที่เบามากเพียง 145ก. เท่านั้นซึ่งมันเล็กกว่ากล้องฟิล์มที่เราเห็นได้ทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด โดยวัดได้อยู่ที่ 108มม. และลึก 35 มม. ทำให้ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะสามารถใส่ฟิล์มทั้งม้วนเข้าไปได้
แน่นอนว่าโครงสร้างกล้องที่เป็นพลาสติกอาจไม่ให้ความแวววาวเหมือนตัวกล้องที่ทำจาก titanium ของกล้อง compact ระดับพรีเมียม แม้มันอาจจะไม่ทนทานหรือดูแพง แต่รับรองได้ความคลาดเคลื่อนของมันแทบไม่มีเลย และคุณภาพของโครงสร้างโดยรวมก็ถือว่ายอดเยี่ยม เนื่องจากมันยังให้คุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมด้วยการกันน้ำได้อย่างดีเยี่ยม ที่ทำให้คุณสามารถนำมันออกไปถ่ายภาพนอกสถานที่ได้แม้จะมีฝนตกก็ตาม
และรายละเอียดเล็กๆ ที่เราชอบในกล้องนี้อีกอย่างคือ การทำงานของเลนส์มันที่สามารถยืดหดได้กับฝาครอบสไลด์ เนื่องจากเลนส์บนของ Stylus Epic มีความเรียบง่ายและมันจะขยายเพียงช่วงสั้นๆ เพื่อโฟกัสก่อนถ่ายภาพเท่านั้นซึ่งมันจะไม่รบกวนในขณะที่เราทำอย่างอื่นอยู่อย่างแน่นอน
และสิ่งเดียวที่เราไม่ชอบในกล้องรุ่นนี้คือ ความยากในการกดปุ่มบนวงแหวนโหมดแฟลชบน Mju II เนื่องจากมันให้การจับที่ค่อนข้างยาก ทำให้เวลาใช้งานจริงเราจึงต้องใช้เล็บเพื่อให้ตัวดูดยางทำงาน ซึ่งค่อนข้างเป็นการใช้งานที่ขัดจังหวะพอสมควร
การโหลดฟิล์มและการใช้งานแฟลช
เราชอบการออกแบบกล้องฟิล์มสมัยใหม่ที่มีการถ่ายส่งฟิล์มอัตโนมัติเมื่อต้องโหลดฟิล์ม 35 มม. โดยสิ่งที่คุณต้องทำคือ จับคู่ส่วนปลายของอีกด้านที่อยู่ติดกับลูกศรสีส้ม ซึ่งในกล้องนี้จะอยู่ทางด้านซ้ายและตราบใดที่กล้องยังใช้แบตเตอรี่ได้ กล้องจะดูแลส่วนที่เหลือเอง
และการเปิดและปิด Mju II ทำได้ง่ายเพียงแค่เลื่อนฝาครอบเลนส์เท่านั้น แต่ก็มีเรื่องที่น่าเสียดายเช่นกันคือ แฟลชหรือโหมดการรับแสงใดๆ ก็ตามที่คุณตั้งค่าไว้ในกล้องของคุณจะถูกรีเซตเมื่อปิดกล้องเช่นกัน
แฟลชของกล้องนี้ทำได้อย่างยอดเยี่ยมมาก เนื่องจากมันได้ให้คุณสมบัติที่หลากหลายเช่น colour balance อัตโนมัติ, การใช้งาน output ที่หลากหลาย, การครอบคลุมที่เหมาะสม และการให้แสงที่สม่ำเสมอที่ Mju II ใช้อย่างชาญฉลาดเพื่อให้แน่ใจว่าตัวแบบของคุณจะดูเป็นธรรมชาติที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้โดยมีแสงจ้าเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยก็สามารถทำได้เช่นกัน
แฟลชมันทำงานได้ดีมากทั้งในการใช้งาน และการเติมแสงสำหรับเงาที่มืดที่สุดที่ฟิล์ม negative มักจะเจอ และหากคุณต้องการถ่ายภาพบุคคลโดยใช้แฟลช โหมดลดตาแดงอาจช่วยได้ นอกจากนี้แฟลชโหมดกลางคืนยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการถ่ายภาพด้วยแฟลชในขณะที่เพิ่มการเปิดรับแสงสูงสุด 4 วินาทีเพื่อให้แน่ใจว่าพื้นหลังของคุณจะมีแสงสว่างเพียงพอ
คุณภาพของเลนส์และภาพถ่าย
(เครดิต: steeveephoto/ lomography)
เลนส์ 35mm f2.8 ของ Olympus Mju II ค่อนข้างดี ในหลาย ๆ ด้านซึ่งเป็นการปรับปรุงจากรุ่น Mju I แม้ว่ามุมของเลนส์จะมีความนุ่มนวลจนแทบสังเกตไม่เห็น แต่ก็มีความคมชัดกว่า Mju รุ่นก่อนหน้ามาก และส่วนใหญ่เลนส์ทำงานได้ดีในการแก้ไขความคลาดเคลื่อนของสี และมีแสงแฟลร์น้อย ทำให้แฟลชที่คุณได้รับน่าสนใจมากทีเดียว
เลนส์ไม่สมบูรณ์แบบแน่นอน เมื่อถ่ายภาพโดยเปิดจนสุด เนื่องจากกล้องมักจะใช้ฟิล์ม ISO 100 ในสภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้ขาดความคมชัดเล็กน้อยทั่วทั้งเฟรมซึ่งจะเห็นชัดก็ต่อเมื่อคุณสแกนภาพถ่ายและซูมดู และเราคิดว่าหากภาพถ่ายเพิ่มคอนทราสต์อีกเล็กน้อยทำให้แต่ละสิ่งในภาพเด่นกว่ากันอาจทำให้เราประทับใจได้มากกว่านี้ แต่โดยรวมภาพที่ได้ค่อนข้างน่าประทับใจได้ตามมาตรฐานที่มันควรจะเป็นแล้ว