กล้อง Panasonic G95 เป็นกล้องที่มีเซนเซอร์ 20MP ความละเอียดสูงจาก G9 คุณสมบัติวิดีโอขั้นสูงเพิ่มเติมจาก GH5 และตัวกล้องที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยการออกแบบใหม่นี้ตอบโจทย์สำหรับกล้อง mirrorless แบบ hybrid ที่มีความสามารถและใช้งานได้หลากหลาย ซึ่งการออกแบบนี้เหมาะสมทั้งสำหรับการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ
เนื่องจาก G95 ให้คุณภาพของภาพที่ยอดเยี่ยม ประสิทธิภาพวิดีโอที่ยอดเยี่ยม และการซีลสภาพอากาศที่ทนทาน ซึ่งทั้งหมดนี้มาในราคาที่สมเหตุสมผลอย่างมาก จึงทำให้ G95 เป็นกล้องที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบและผู้ที่กำลังมองหากล้องระดับกลางที่เน้นการทำงานรอบด้านและราคาเหมาะสม
คุณสมบัติเบื้องต้น
เซนเซอร์: 20.3MP Live MOS Micro Four Thirds
ตัวประมวลผลภาพถ่าย: Venus
โฟกัสอัตโนมัติ: DFD contrast AF
วิดีโอ: 4K UHD ที่ 30p, 25p, 24p
ช่องมองภาพ: OLED EVF, 2.36m dots, ครอบคลุม 100% และมีกำลังขยาย 0.74x
การ์ดความจำ: SD (รองรับ UHS II)
LCD: หน้าจอสัมผัสแบบ free-angle ขนาด 3 นิ้ว , 2.1ม. dots
การถ่ายภาพต่อเนื่อง: 9fps, 6fps ด้วย CAF
การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth
ขนาด: 148.9 x 110.0 x 96.7มม. (เฉพาะตัวกล้อง)
น้ำหนัก: 1,016ก. (เฉพาะตัวกล้องไม่รวมแบตเตอรี่และการ์ด)
ข้อดี
+ ภาพถ่ายมีคุณภาพที่ดี (เป็นเซนเซอร์ Micro Four Thirds 20.3MP เหมือนกับ GH5 และ G9)
+ การไม่มีฟิลเตอร์ optical low-pass ส่งให้มันให้ภาพที่มีความคมชัดที่น่าประทับใจอย่างมาก
+ วิดีโอ 4K ที่ยอดเยี่ยม
+ การบันทึกวิดีโอที่ไม่จำกัดเวลา
+ ระบบป้องกันภาพสั่นไหว 5 แกน
+ โครงสร้างตัวกล้องที่มีซีลป้องกันสภาพอากาศที่ให้ความทนทาน
+ โฟกัสอัตโนมัติที่รวดเร็ว
+ การทำงานที่น่าเชื่อถือ
+ หน้าจอสัมผัสแบบ vari-angle ที่ให้การใช้งานที่สะดวกอย่างมาก
ข้อเสีย
– อายุการใช้งานแบตเตอรี่ค่อนข้างต่ำ
– ตัวกล้องมีขนาดใหญ่ (ขนาดเกือบเท่ากล้อง DSLR ระดับกลาง)
– มีช่องสำหรับการ์ดเพียงช่องเดียว
ตัวกล้องและดีไซน์
โดยทั่วไปแล้ว G95 จะมีขนาดเท่ากับ G85 แม้ว่าจะใหญ่กว่าเล็กน้อยในทุกมิติและมีน้ำหนักมากกว่าเล็กน้อยก็ตาม โดย G95 จะมีขนาดอยู่ที่ กว้าง 5.13 นิ้ว สูง 3.68 นิ้ว ลึกสูงสุด 3.05 นิ้ว และน้ำหนักรวมแบตเตอรี่และการ์ดอยู่ที่ 536 กรัม ซึ่งหนักกว่า G85 1.1 อยู่ที่ 31 กรัม และในเรื่องการซีลป้องกันละอองน้ำและฝุ่น G95 สร้างขึ้นโดยใช้กรอบด้านหน้าของโลหะผสม magnesium alloy และการซีลรอบข้อต่อและส่วนควบคุมอย่างละเอียด และเมื่อใช้ร่วมกับเลนส์ที่ปิดด้วยสภาพอากาศ จะทำให้ Panasonic สามารถทนต่อสภาพอากาศได้เต็มระดับมากกว่ารุ่นก่อน
G95 ได้มีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงมากมายจาก G85 เช่น รูปทรงที่รับการแก้ไข และเปลี่ยนกริปด้านหน้าและด้านหลังให้จับถนัดมือยิ่งขึ้น นอกจากนี้พื้นผิวสัมผัสของกล้องก็เปลี่ยนไปเช่นกันเนื่องจากมีความคิดเห็นของผู้ใช้ G85 กล่าวว่ากล้องเรียบเกินไปทำให้มันจับยาก
และกล้อง G95 ได้มีการจัดวางตำแหน่งปุ่มกดที่สำคัญให้อยู่ใกล้มือคุณมากขึ้นเพื่อความสะดวกในการถ่ายภาพด้วย ยังรวมถึงปุ่ม ISO สมดุลแสงสีขาว และปุ่มชดเชยแสงที่อยู่ใกล้กับสายลั่นชัตเตอร์ด้วย นอกจากนี้ Panasonic ยังได้มีการออกแบบ G95 ให้ใช้งานง่ายขณะถ่ายภาพผ่านช่องมองภาพ OLED EVF มีสเปกเดียวกับที่พบใน G85 คือ 2,360K dots พร้อมกำลังขยาย 0.74x แต่มีการออกแบบยางรองตาใหม่โดยใช้วัสดุที่ได้รับการปรับปรุง
คุณภาพของภาพถ่าย
(เครดิต: Carey Rose)
กล้อง G95 ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นกล้อง hybrid ที่ให้ความสามารถทั้งการถ่ายภาพนิ่งและบันทึกวิดีโอ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน G95 ได้รับเซนเซอร์รุ่นใหม่ที่มีความละเอียดสูงขึ้น โดยเปลี่ยนจากชิป 16MP เป็นเซนเซอร์ 20.3MP ซึ่งเป็นเซนเซอร์เดียวกันกับใน G9 ที่เป็นเซนเซอร์ 20MP แต่ในกล้อง G95 ไม่มีเซนเซอร์ optical low-pass ดังนั้นกล้องจึงให้ความละเอียดของรายละเอียดในภาพถ่ายได้อย่างดีเยี่ยม
คุณภาพของภาพ โดยเฉพาะที่ ISO ต่ำๆ นั้นยอดเยี่ยมสำหรับกล้องและเซนเซอร์ประเภทนี้ เนื่องจากมันให้ภาพถ่ายที่มีสีสันสวยงามและเป็นธรรมชาติโดยที่สีไม่ดูอิ่มตัวมากเกินไป แต่หลังจากทดสอบเรากลับพบว่ากล้องให้ภาพถ่ายแบบ RAW ที่มีรายละเอียดภาพโดยรวมที่ดีขึ้นมาก และกล้องก็ให้การทำงานด้วยค่า ISO ที่สูงอย่างน่าประทับใจสำหรับกล้อง Micro Four Thirds
คุณภาพของวิดีโอ
ดังที่กล่าวไปว่า G95 มีคุณสมบัติวิดีโอที่ดีมากมาย ทำให้มันเป็นกล้องที่มีความสามารถรอบด้านซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบันทึกวิดีโอคุณภาพสูง แม้มันจะมีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่า G85 รุ่นก่อนแต่ก็ยังไม่ครบครันเท่า G9 เนื่องจากมันสามารถถ่าย 4K ที่สวยงามได้แต่ไม่ได้ให้ที่ 60p เหมือน G9 นอกจากนี้ G95 ยังให้แจ็คหูฟัง และโปรไฟล์รูปภาพ V-LogL ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้าแล้ว
หลังจากทดสอบแล้ว เราพบว่ากล้องมันให้วิดีโอ 4K ที่ความเร็ว 100Mbps ที่ดูยอดเยี่ยม มีรายละเอียดมากมาย สีสันสวยงาม และ dynamic range ที่ดีแม้ในโปรไฟล์รูปภาพเริ่มต้นก็ตาม สำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมการเปิดรับแสงและตัวเลือกการไล่ระดับสีที่ดีขึ้น V-LogL จะเป็นตัวเลือกที่ให้ละติจูดมากขึ้นสำหรับการปรับแต่งภาพในภายหลัง และสำหรับการถ่าย slow motion กล้องก็ให้การถ่ายแบบ Full HD สูงสุด 120fps
นอกจากนี้โฟกัสอัตโนมัติของวิดีโอก็ทำได้ค่อนข้างดีด้วยการปรับโฟกัสที่รวดเร็วและราบรื่น พร้อมการสั่นไหวน้อยที่สุดจากระบบ AF ตรวจจับคอนทราสต์ของกล้อง รวมไปถึงประสิทธิภาพของ F ก็ทำได้ดีแม้ในสถานการณ์ที่มีแสงน้อยก็ตาม และแม้ว่าระบบป้องกันภาพสั่นไหวในตัวจะไม่ทรงพลังเท่ากับ G9 แต่มันก็ยังให้การทำงานที่ดีเยี่ยมถึง 5 สต็อปสำหรับภาพนิ่ง และเป็นส่วนเพิ่มเติมที่ยอดเยี่ยมสำหรับวิดีโอเช่นกัน