กล้อง Olympus TOUGH TG6 เป็นกล้องใต้น้ำที่มีการกันน้ำระดับพรีเมี่ยมรุ่นที่ 6 ของบริษัทนี้ มันมีคุณสมบัติที่เซนเซอร์ 12MP และ เลนส์ซูม optical 4x รวมถึงการกันน้ำได้ลึกได้ด้วย และความทนทานของมันก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน และเราได้ทำการทดสอบการใช้กล้องนี้ในหลายๆ ด้านที่แตกต่างกัน ทำให้เราได้พบกับทั้งคุณสมบัติการใช้งานของมัน และสิ่งที่มันโดดเด่น ได้ตามด้านล่างนี้
คุณสมบัติที่สำคัญ
+ เซนเซอร์ BSI-CMOS 12MP, 1/2.3″
+ เลนส์ป้องกันภาพสั่นไหว 25-100 มม. ที่ขยายได้ถึง F2.0-4.9
+ กันน้ำได้ลึกถึง 15ม., กันกระแทกจากความสูง 2.1 เมตร, กันกระแทกได้ถึง 100ก., กันความเย็นได้ถึง -10องศาเซลเซียส และสามารถกันฝุ่นได้ด้วย
+ หน้าจอแสดงผล 1.04ม. dot ขนาด 3 นิ้ว (ไม่สามารถสัมผัสได้)
+ รองรับ RAW ไฟล์
+ ระยะโฟกัสต่ำสุด 1 ซม.
+ การถ่ายภาพต่อเนื่องที่ 20fps
+ โหมด Pro Capture จะบันทึกภาพก่อนและหลังการกดชัตเตอร์ เพื่อช่วยให้คุณจับภาพช่วงเวลาที่เหมาะสม
+ วิดีโอ 4K/30p
+ มี GPS ในตัว, เครื่องวัดระยะสูง, เข็มทิศ, เทอร์โมมิเตอร์ และมาตรวัดความเร่ง
+ เลนส์เสริมและอุปกรณ์แฟลช
กล้อง Olympus TOUGH TG6 เหมาะกับใครบ้าง
TG-6 เป็นกล้องแบบพกพาที่มีความทนทานเป็นพิเศษ พร้อมคุณสมบัติที่ผสมผสานกันซึ่งจะดึงดูดผู้ชมที่หลากหลาย:
– ช่างถ่ายภาพและผู้ใช้งานกล้องปัจจุบันนี้ต้องการกล้องที่สามารถหล่นและเปียกได้โดยไม่ต้องกังวลมากนัก ซึ่งให้ความสามารถที่แตกต่างกับสมาร์ทโฟนทั่วๆ ไปของพวกเขา
– ช่างภาพใต้น้ำมืออาชีพที่ต้องการดำน้ำลึกขึ้นและใช้แฟลชนอกกล้อง
– นักเดินป่าและผู้ที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งอื่นๆ ที่ต้องการติดตามความคืบหน้าและรวมสิ่งต่างๆ เช่น ตำแหน่งและความสูงไว้ในข้อมูลของภาพถ่าย
สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มแรก โหมดอัตโนมัติของ TG-6 สามารถรับมือกับทุกสถานการณ์ได้ และโหมด numerous scene ก็ได้รับการจัดการเป็นอย่างดี หากคุณต้องการใช้งานกล้องนี้ใต้น้ำ เพียงแค่กดจุด ‘fish’ บนแป้นหมุนเลือกโหมดคุณก็จะสามารถใช้งานมันได้อย่างง่ายดาย แต่ข้อเสียอย่างหนึ่งของระบบกล้องนี้คือ มันไม่ได้สร้างระบบเวอร์ชันที่เรียบง่ายสำหรับผู้ใช้มือใหม่ ซึ่งอาจจะทำให้ใช้งานได้ยากและสับสนได้
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบ TG-6 ให้การควบคุมแบบ manual แต่ไม่ใช่ชุดเต็มรูปแบบที่คุณคาดหวังจากกล้องระดับไฮเอนด์ แม้ว่าคุณจะปรับรูรับแสงได้ แต่จะมีเพียงสามตัวเลือกเท่านั้นในแต่ละครั้ง นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมกล้องถึงไม่มีโหมดกำหนดความเร็วชัตเตอร์หรือระดับแสงแบบ manual ฉะนั้นสิ่งนี้ทำให้รู้ว่าคุณไม่สามารถปรับการชดเชยแสงในโหมดอัตโนมัติได้ ดังนั้นคุณจะต้องเปลี่ยนไปใช้โหมดโปรแกรมหรือโหมดกำหนดรูรับแสงก่อนจึงจะทำเช่นนั้นได้
นักเดินเขาและนักผจญภัยคนอื่นๆ สามารถใช้ประโยชน์จากเซนเซอร์ของกล้องและความสามารถในการติดตาม เพื่อให้พวกเขาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนในการเดินทางเมื่อถ่ายภาพ ในกล้องนี้มีเซนเซอร์สิ่งแวดล้อมประกอบด้วย GPS, มาตรวัดความสูง/ความลึก, เข็มทิศ, มาตรความเร่ง และเทอร์โมมิเตอร์ เมื่อคุณออกไปข้างนอก การกดปุ่ม ‘info’ จะแสดงข้อมูลทั้งหมดที่กล้องกำลังบันทึก
อย่างสุดท้าย คุณสมบัติระยะใกล้ของกล้อง TG-6 ไม่เพียงช่วยถ่ายภาพวัตถุที่อยู่ห่างออกไป 1 ซม. เท่านั้น แต่ยังมีโหมด ‘digital microscope’ ที่ช่วยให้คุณซูมเข้าได้มากขึ้นถึงสี่เท่า แม้ว่าคุณภาพของภาพจะลดลงก็ตาม และ Olympus ก็ยังมีการจำหน่ายไฟวงแหวนและตัวกระจายแสงแฟลชเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับการถ่ายภาพมาโครของคุณ
สิ่งที่โดดเด่น
สิ่งที่ทำให้ TG-6 แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ คือความสามารถในการจับข้อมูลจากเซนเซอร์สิ่งแวดล้อมและแนบไปกับภาพถ่ายที่เราได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ กล้องที่มีความทนทานตัวอื่นๆ บางรุ่นมีเซนเซอร์บางตัว แต่ไม่มีใครทำได้ดีไปกว่า Olympus การมีข้อมูล GPS ในรูปภาพของคุณช่วยให้คุณค้นหารูปภาพตามตำแหน่งในซอฟต์แวร์ เช่น Lightroom และ Apple Photos ได้
แน่นอนว่าการเปิดคุณสมบัติการติดตามตลอดจะทำให้แบตเตอรี่ลดลงอย่างแน่นอน ซึ่งสิ่งนี้เป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงชอบเสียบชาร์จขณะขับรถอยู่เสมอ การที่กล้องนี้ยังคงใช้เซนเซอร์ 12MP ในขณะที่กล้องตัวอื่นอาจจะเพิ่มไปที่ 16-20 แล้ว แต่เมื่อดูบนชิปที่มีขนาดเล็กนี้ จำนวนพิกเซลที่ต่ำกว่าของ TG-6 นี้อาจช่วยให้ประสิทธิภาพที่ ISO สูงขึ้น แต่ข้อดีที่ใหญ่กว่านี้คือ ความสามารถของเลนส์ในการไปที่ F2.0 ที่การตั้งค่ามุมกว้างที่สุด ทำให้รับแสงได้มากเป็นสองเท่า และสำหรับจุดประสงค์ส่วนใหญ่ของกล้อง เซนเซอร์ 12MP ก็เพียงพอ
คุณภาพของโครงสร้างของกล้อง TG-6 ยังคงดีที่สุดในระดับเดียวกัน ซึ่งมันมีความทนทานมากเช่นกัน และประตูบนตัวกล้องมีอยู่ 2 บาน (1 ช่องสำหรับพอร์ต I/O และอีกช่องสำหรับแบตเตอรี่และการ์ดหน่วยความจำ) ซึ่งมีระบบล็อกทั้งคู่ แม้ว่าแป้นหมุนของกล้องจะดูค่อนข้างเป็นพลาสติก และปุ่มต่างๆ ก็นิ่ม แต่น่าจะเกิดจากการซีลที่แน่นหนา
เมื่อมาดูที่คุณภาพของถ่ายภาพที่ได้จากกล้องนี้ จะพบว่ามีอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่ก็มีสมาร์ทโฟนที่สามารถถ่ายได้ดีกว่าในบางสถานการณ์เช่นกัน แม้ว่าจะลดขนาดลงเป็นความละเอียดของโซเชียลมีเดียแล้ว และสังเกตเห็นได้ยากขึ้น แต่ข้อแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดคือสมาร์ทโฟนไม่สามารถให้ความสามารถที่ทนทานได้อย่างกล้องนี้สามารถให้ได้อย่างแน่นอน