แม้ว่าจะรอนานกันสักหน่อย แต่ในที่สุด Hasselblad ก็ปล่อยกล้อง Hasselblad X2D 100C ออกมา ซึ่งเป็นกล้อง mirrorless ขนาดกลางสุดหรูที่เหมาะสมและสวยงาม และกล้อง X2D ได้จัดการกับข้อบกพร่องหลายประการของรุ่นก่อน และได้ปรับปรุงให้ตอบสนองได้ดีกว่ารุ่น X1D ทั้งสองรุ่นอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้กล้อง X2D เป็นกล้องที่มีรูปลักษณ์ที่สวยงาม และคุณภาพของภาพก็ยอดเยี่ยม ฉะนั้นช่างภาพที่กำลังมองหากล้องที่สวยงามพอๆ กับภาพถ่ายที่ได้ จะต้องถูกใจกล้องนี้อย่างแน่นอน
ข้อมูลเบื้องต้นที่สำคัญ
เซนเซอร์: 100MP back-side illuminated CMOS medium format
เลนส์ mount: Hasselblad X System
โฟกัสอัตโนมัติ: ตรวจจับเฟสแบบ Hybrid ด้วย 294 PDAF zones
ระบบป้องกันภาพสั่นไหว: 5 แกน, 7 สต็อป
ช่วง ISO: 64 – 25,600
วิดีโอ: ไม่มี
ช่องมองภาพ: ขนาด 0.5 นิ้ว, 5.76 m. dot OLED EVF, 100% coverage, 1.0x magnification
LCD: หน้าจอสัมผัสแบบ tilting ขนาด 3.6 นิ้ว , 2.36 million-dot
หน่วยความจำ: SSD ภายใน 1TB, 1x CFexpress Type B (สูงสุด 512GB)
การถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุด: 3.3fps (สี 14-bit)
การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 6, Bluetooth, USB-C 3.1 Gen2
ขนาด: 148.5 x 106 x 74.5mm
น้ำหนัก: 790ก. เฉพาะตัวกล้อง (895 รวมแบตเตอรี่)
ข้อดี
+ การถ่ายภาพ 100MP ที่เสถียรและมั่นคง
+ การออกแบบที่น่าทึ่ง
+ Snappy phase ตรวจจับโฟกัสอัตโนมัติ
+ 1.0x EVF ที่ดูดี
+ หน้าจอระบบสัมผัส LCD แบบ tilting
+ ระบบเลนส์ชัตเตอร์ XCD
+ สามารถใช้ร่วมกับแฟลช Nikon TTL ได้
ข้อเสีย
– มุมมองของการเอียง EVF ถูกบดบังบางส่วน
– อายุแบตเตอรี่อาจจะไม่เหมาะสมกับการใช้งานทั้งวัน
– E-shutter ไม่เหมาะกับวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่
– ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบพื้นฐาน
– ไม่มีวิดีโอ
การออกแบบที่น่าทึ่ง
Hasselblad รู้วิธีสร้างกล้องที่ดูดีและสวยงาม แม้ว่าเราจะมีข้อตำหนิเกี่ยวกับ X1D II 50C ซึ่งเป็นรุ่นก่อนของ X2D แต่รูปลักษณ์ของมันถือเป็นข้อยกเว้น ซึ่งกล้อง X2D ก็ยังมีคุณสมบัติที่คล้ายรุ่นก่อน แต่ก็มีการปรับแต่งเพิ่มเติม ทั้งพื้นผิวโลหะที่เข้มขึ้นและจอแสดงผลด้านหลังที่ปรับเอียงได้
กล้อง Hasselblad X2D 100C มีรูปลักษณ์ภาพนอกที่สวยงามโดยมีอิทธิพลจากฝั่งยุโรปอย่างเห็นได้ชัดจากรูปทรง ถึงแม้จะเป็นกล้องดิจิทัลแต่รูปทรงของมันก็ไม่ได้ทำให้ขัดตาเลยแม้แต่น้อย และคุณสมบัติของมันก็อยู่ในระดับที่เหมาะสม แต่ก็ให้ความน่าสนใจและสวยงามเป็นอย่างมาก
และกล้อง X2D 100C นี้มีขนาดที่สูงและหนากว่า X1D เล็กน้อย ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อรองรับระบบกันสั่นของเซนเซอร์วัดระยะของ X2D ถึงอย่างไรก็ตามมันก็มีน้ำหนักที่เพียง 790กรัม ซึ่งมันก็ค่อนข้างมีขนาดเล็ก โดยเฉพาะกับกล้องที่มีระบบ IBIS ซึ่งระบบป้องกันการสั่นไหวเป็นคุณสมบัติที่สำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดจากเซนเซอร์ภาพ 100MP
นอกจากนี้ภายในตัวกล้องยังมีการปรับปรุงความเร็วให้เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าอย่างมาก ซึ่งช่วยแก้ปัญหาข้อบกพร่องที่ใหญ่ที่สุดประการหนึ่งของแพลตฟอร์ม X1D เนื่องจากมีเวลาเริ่มต้นและการประมวลผลที่เร็วขึ้น พร้อมด้วยโฟกัสอัตโนมัติที่เร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างประสบการณ์การถ่ายภาพที่น่าพึงพอใจยิ่งขึ้น และกล้อง X2D ก็มีการตอบสนองอย่างที่กล้องระดับ high-end ควรจะเป็น
การจัดการและการควบคุม
กล้อง X2D 100C นี้มีการออกแบบที่ยอดเยี่ยม ด้วยด้ามจับที่ถูกขึ้นรูปมาอย่างชาญฉลาดและสอดรับกับมือของเราได้อย่างพอดี และที่วางนิ้วหัวแม่มือด้านหลังก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม เนื่องจากมันมีขนาดใหญ่มากทำให้เราสามารถจับถือได้อย่างสบายในระยะเวลานาน
แต่ Hasselblad ให้การควบคุมที่ค่อนข้างจำกัด โดยล้อควบคุมด้านหน้าและด้านหลังจะปรับระดับแสง และมีปุ่มจำนวนหนึ่งที่ด้านหลังเพื่อควบคุมโฟกัส, ล็อกค่าแสง และปุ่มนำทางไปยังเมนู และยังมี โหมดและปุ่ม ISO/ White Balance อยู่ด้านบน พร้อมกับจอแสดงข้อมูลแบบ OLED นอกจากนี้ยังมีปุ่มเสริมด้วย interface แบบสัมผัส เป็นเมนูของ X2D ซึ่งใช้ไอคอนขนาดใหญ่และแป้นสลับที่แตะง่ายเพื่อเปลี่ยนการตั้งค่า
ด้านหลังกล้องเป็นหน้าจอ LCD ขนาดใหญ่พิเศษ 3.6 นิ้ว ที่อัดแน่นด้วย 2.4 m. dots, ที่ให้มุมมองที่คมชัดและสดใสของกรอบภาพของคุณ ซึ่งหน้าจอนี้เป็นแบบบานพับที่ให้การปรับเอียงถึง 70 องศา ซึ่งเราประทับใจอย่างมากเมื่อใช้กล้องถ่ายภาพโดยถือกล้องต่ำลงกับพื้น สิ่งนี้หมายความว่าเราไม่ต้องลงต่ำมากเพื่อจับภาพ แต่เนื่องจากช่องมองภาพของ X2D ยื่นออกมาจากด้านหลัง ด้านบนของจอแสดงผลจึงถูกบดบังเมื่อมองจากด้านบน
คุณภาพของภาพถ่าย
นอกจากเซนเซอร์จะมีระบบ phase-detection AF และระบบป้องกันภาพสั่นไหว 5 แกน และยังให้ความละเอียดเพิ่มขึ้นประมาณสองเท่าจาก X1D II เป็น100MP และเป็นแบบ back side illuminated (BSI)
เนื่องจากเซนเซอร์ BSI ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยปรับปรุงคุณภาพของภาพในสภาวะแสงน้อย ซึ่งHasselblad ได้ใช้การออกแบบดังกล่าวที่นี่เพื่อชดเชยผลกระทบด้านลบของจุดรบกวนที่เกิดขึ้นจากการบรรจุพิกเซลจำนวนมากขึ้นบนชิป ซึ่งทำให้เราได้รับคุณภาพของภาพในสภาวะแสงน้อยใกล้เคียงกับคุณภาพของ X1D II แต่เราได้ความละเอียดมากกว่าสองเท่า
อายุการใช้งานแบตเตอรี่
กล้อง X2D ได้รับการปรับปรุงอย่างหนึ่งในข้อที่สำคัญคือ อายุการใช้งานแบตเตอรี่ เนื่องจากกล้อง X1D รุ่นก่อนหน้ามีปัญหาในการถ่ายภาพได้เพียง 200 ภาพต่อการชาร์ต 1 ครั้ง ซึ่งค่อนข้างลำบากสำหรับการเดินทาง ซึ่งHasselblad ได้ให้คะแนน X2D สำหรับภาพถ่ายเพิ่มเติม สูงสุดที่ 420 ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ซึ่งคะแนนเหล่านี้ก็ขึ้นกับการใช้งานของแต่ละบุคคลด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้กล้องนี้ยังสามารถชาร์จแบตเตอรี่ผ่าน USB-C ได้และคุณสามารถชาร์จ X2D จากไฟ AC หากคุณใช้งานในสตูดิโอ อย่างไรก็ตาม เราขอแนะนำให้คุณเตรียมแบตเตอรี่สำรองไว้เผื่อเพื่อการใช้งานที่ไม่สะดุดและเพื่อป้องกันเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ไม่คาดคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมักจะถ่ายภาพจำนวนมากในระหว่างวัน และคุณอาจพบความสะดวกสบายในการชาร์จแบตเตอรี่สองก้อนพร้อมกันโดยไม่ต้องใช้กล้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่คุ้มค่ากว่า